เรื่องราวของคุณเอก นครินทร์ ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์แดรี่ควีน ประเทศไทย ผู้เคยผ่านประสบการณ์การทำให้แบรนด์ที่ดูแลขาดทุนหลายสิบล้าน และยังประสบปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย จนสุดท้ายต้องลาออกจากงานเพื่อหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่ง และเมื่อเขาพร้อม เขากลับมาสู้อีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้เจอความท้าทายจาก CEO ที่เปลี่ยนความคิดของเขาไปตลอดกาล
 

เขาเริ่มต้นการทำงานกับไมเนอร์ ด้วยการดูแลแบรนด์ธุรกิจกอล์ฟของไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ แต่สุดท้ายแบรนด์กอล์ฟที่เขาดูแลขาดทุนหลาย 10 ล้านบาท ไมเนอร์จึงตัดสินใจนำแบรนด์กอล์ฟออกจากธุรกิจของบริษัท เขาผิดหวังกับตัวเองมาก อย่างไรก็ตาม ไมเนอร์ยังให้โอกาสเขาเลือกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อหรือลาออก แน่นอน เขาเลือกที่จะอยู่ต่อ
 

“ทำไมคุณไม่ลาออก?”

คุณพอล CEO ของไมเนอร์ ฟู้ดถามเขาหลังจากที่เขาเข้ามาสัมภาษณ์เพื่อเตรียมย้ายจากไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์มาที่ไมเนอร์ ฟู้ด เขายืนยันที่จะขออยู่ต่อเพื่อสานต่อหลาย ๆ สิ่งที่เขาได้ริเริ่มไว้ เขาจึงได้รับโอกาสให้ย้ายมาเป็นผู้จัดการทั่วไปให้กับแบรนด์เบอร์เกอร์คิง แต่ทำงานได้ไม่กี่ปี ปัญหาด้านสุขภาพร่างกายก็ทำให้เขาต้องลาออกเพื่อออกมาพักรักษาตัว และออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่งที่เขาชื่นชอบ
    

 “ผมรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า”

เมื่อเขาลาออกจากการทำงานมาได้ 6 เดือน แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ ไร้ค่า และเมื่อเขารู้สึกว่าพร้อมแล้ว เขาจึงกลับมาทำงานกับไมเนอร์ ฟู้ดอีกครั้ง ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของแบรนด์แดรี่ควีน
 

“จะให้ผมทำอะไรในเมื่อทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว”

เมื่อเขาเข้ามาทำงานที่แดรี่ควีน เขาพบว่าธุรกิจของแบรนด์นั้นดีอยู่แล้ว แม้จะไม่มีผู้จัดการทั่วไปมานานก่อนที่เขาจะเข้ามาก็ตาม เขาจึงเครียดและเข้าไปหาคุณพอลเพื่อปรึกษาว่าเขาจะทำอะไรได้ในเมื่อทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว และเมื่อคุณพอลรู้ว่าเขาตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาแดรี่ควีนแค่ 17 สาขาในปีนั้น คุณพอลจึงท้าทายเขากลับทันที
 

“ทำไมไม่ตั้งเป้าไปเลยว่าปีนี้จะเปิด 100 สาขา!”

วินาทีที่เขาได้ยินประโยคนี้ เขาคิดทันทีว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาเปิด 10-20 สาขาต่อปีได้ก็เก่งแล้ว แต่คุณพอลก็ยังสอนเขาต่อในเรื่องการตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ

“ปีนั้นเป็นปีที่แดรี่ควีนเปิดสาขาได้มากที่สุดเท่าที่เคยทำมา!”

เขาจึงกลับมาประชุมกับทีมงานและเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ และพบว่ามีโอกาสในการเปิดสาขาได้มากขึ้นกว่าเดิม แม้ปีนั้นจะเปิดได้ 52 สาขา แต่ก็ถือว่ามากที่สุดที่เคยทำมา และปีต่อมาเขาก็เปิดได้มากถึง 62 สาขา มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำเขารู้ว่าการตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้น ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำได้ และการผลักดันทีมงานเพื่อให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้นำที่ดีควรจะต้องมี
 

“ตั้งเป้าทำกำไรไว้ 200 ล้าน แต่ก็ทำได้ถึง 220 ล้าน!”

ปี 2018 เขาตั้งเป้าหมายว่าจะทำกำไรให้กับแดรี่ควีน 200 ล้านบาท แต่เขาก็สามารถทำได้ถึง 220 ล้านบาท มากกว่าเป้าที่เขาตั้งไว้ ด้วยผลงานที่น่าทึ่งนี่ ทำให้เขาได้รับรางวัล Tiger Awards อันทรงเกียรติของไมเนอร์ได้สำเร็จ 
 

“ก่อนจะทำงานหรือวิ่ง ผมจะตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองและเอาชนะมัน”

เขาสรุปให้ฟังอย่างน่าสนใจว่า ก่อนจะทำอะไรจะต้องตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นกว่าเดิมแล้วพยายามเอาชนะมันให้ได้ ทั้งเรื่องการทำงาน หรือแม้แต่ตอนที่เขาวิ่ง เขาก็จะตั้งเป้าหมายเพื่อทำให้ดีกว่าการวิ่งครั้งก่อนอยู่เสมอ และเมื่อทำได้ เขาจะรู้สึกได้ว่าเขาได้ก้าวไปสู่อีกระดับ นี่คือสิ่งสำคัญที่ไมเนอร์ได้เปลี่ยนแปลงตัวเขาให้ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้