หลายคนอาจเคยถูกหัวหน้ามอบหมายงานที่ไม่เคยทำและเกินหน้าที่ ทำให้รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือรู้สึกว่าโดนรังแก แต่ถ้าได้ลองดูเรื่องราวของคุณบิ๊ก ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่การเงินส่วนกลาง และวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  ที่เติบโตในสายงานการเงินมาตลอดทั้งชีวิต แต่เมื่อเขาตัดสินใจมาทำงานกับไมเนอร์ เขากลับได้รับมอบหมายงานหลาย ๆ อย่างที่นอกเหนือจากด้านการเงิน และเป็นงานที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่สุดท้ายมันกลับทำให้เขาค้นพบสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ซ่อนอยู่ในตัว และรู้จักความหมายที่แท้จริงของ ‘Drive Culture’ นั่นเอง
 

“เรียนด้านการเงินตามคุณพ่อและคุณแม่ที่เป็น Role Models”

คุณบิ๊กเริ่มเล่าให้ฟังว่า สมัยเด็ก ๆ พ่อกับแม่ของเขาเรียนจบด้านการเงิน และตัวเขาเองก็มองพ่อกับแม่เป็นเหมือน Role Models ทำให้เขาตัดสินใจเรียนด้านการเงิน เมื่อเขาเรียนจบ เขาได้เริ่มทำงานด้านการเงินที่สหรัฐอเมริกา จนภายหลังได้กลับมาที่ไทย และก็ยังคงทำงานในด้านการเงินอยู่หลายปี จนถึงจุดหนึ่งเขาเริ่มอิ่มตัวในการทำด้านที่ปรึกษาหรือนักวิเคราะห์ด้านการเงิน และมองหาบริษัทที่ทำธุรกิจโดยตรง และมีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ
 

“ไมเนอร์มีผู้ก่อตั้งที่มีชื่อเสียงในเรื่องจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ”

เขายอมรับว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาเลือกมาอยู่กับไมเนอร์ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสันทนาการและความรื่นรมย์อย่างโรงแรม, อาหาร และแฟชั่น แบบที่เขาชอบ แต่สิ่งสำคัญคือไมเนอร์มีผู้ก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะมาที่นี่
 

“บทบาทแรกคือการเป็น Center of Information ของบริษัท”

เมื่อก้าวเข้ามาที่ไมเนอร์ บทบาทแรกของเขาก็ยังมีความเกี่ยวกับเรื่องตัวเลข ด้วยการเป็นผู้บริหารด้านการเงิน และนักลงทุนสัมพันธ์ ที่ต้องออกไปพบปะพูดคุยกับนักลงทุน เป็นเหมือน center of information ของบริษัท ที่ต้องรู้ข้อมูลและกิจกรรมสำคัญ ๆ ของบริษัทเพื่อตอบคำถามของนักลงทุน รวมถึงนักข่าวให้ได้ทั้งหมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้บริษัท และสนับสนุนหุ้นของไมเนอร์
 

“Assignment ที่ให้มาไม่ใช่แค่เรื่องการเงินอีกต่อไป”

เมื่อผลงานในด้านการเงินของเขาเป็นที่ไว้วางใจของผู้บริหาร ทำให้เขาได้รับมอบหมายให้ดูแลงานในด้านอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากด้านการเงิน เช่น Marketing, HR, Succession planning, การดู KPI ของบริษัท รวมทั้งการจัดอีเวนต์ครบรอบ 50 ปีของบริษัท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน! ในกรณีนี้ถ้าเป็นคนอื่น ๆ อาจรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ เพราะต้องทำเกินหน้าที่ แต่เขากลับมองว่า นี่แหละคือโอกาสที่ไมเนอร์จะพัฒนาเขาให้เก่งขึ้นกว่าเดิม    
 

“นี่แหละคือคำนิยามของ Drive Culture ที่ unlock your potential”

แน่นอนว่าการที่เขาได้รับโอกาสในการทำงานนอกเหนือจากด้านการเงิน ทำให้เขาค้นพบศักยภาพบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัว โดยที่เขาไม่รู้มาก่อนว่าเขาก็ทำได้มากกว่าแค่เรื่องการเงิน โดยเขาสามารถทำด้านการตลาด ทำด้านประชาสัมพันธ์ จัดอีเวนต์ใหญ่ ๆ ให้ออกมาประสบความสำเร็จได้ สิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของ Drive Culture ที่เป็นวัฒนธรรมองค์กรของไมเนอร์ ที่สนับสนุนให้พนักงานทุกคนปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวออกมา หรือ unlock your potential เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองและบริษัท
 

“ขอมา 1 ผมและทีม deliver กลับไป 2 หรือ 3 เสมอ จะไม่เคยพูดก่อนว่าทำไม่ได้”

นอกจากนี้ วิธีการทำงานที่เขาและทีมได้ทำ เป็นการสร้างผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายมาอย่างต่อเนื่อง เขายกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ถ้าใครขอมา 1 เขาและทีมจะ deliver กลับไป 2 หรือ 3 เสมอ แม้บางครั้งเขาอาจจะไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ แต่เขาไม่เคยพูดไปก่อนว่าทำไม่ได้ แต่จะกลับมาคิดหาวิธีเพื่อทำมันให้สำเร็จ และสุดท้ายเขาก็ทำได้อยู่เสมอ
 

“รางวัลที่ได้ไม่ได้มาจากความสำเร็จครั้งเดียว”

เมื่อเขาสามารถแสดงผลงานออกมาได้ดีเกินความคาดหมายอยู่ตลอด ทำให้เขาได้รับเลือกจากคณะผู้บริหารให้ได้รับรางวัล Tiger Award ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของไมเนอร์ที่มอบให้พนักงานปีละครั้ง เขาคิดว่าสิ่งที่ทำให้เขาคว้ารางวัลได้ ไม่ได้มาจากความสำเร็จใหญ่ ๆ เพียงครั้งเดียว แต่มาจากการสะสมความสำเร็จมาตลอด 9 ปีที่อยู่ที่นี่
 

“ไมเนอร์ได้มอบสิ่งที่เป็นกำไรชีวิตให้กับเรา”

เขาทิ้งท้ายว่า เวลาที่ต้องบินไปพบปะกับนักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นในประเทศต่าง ๆ เขากลับไม่รู้สึกว่านั่นเป็นเวลางาน เพราะสนุกทุกครั้งที่ได้ไป เพราะถือว่าได้ไปเปิดหูเปิดตาในที่ใหม่ ๆ เจอคนใหม่ ๆ เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ตัวเอง เมื่อบวกกับการที่เขาได้ค้นพบศักยภาพในการทำงานด้านอื่น ๆ ที่นี่ ทำให้เขารู้สึกว่านี่เหมือนเป็นกำไรชีวิตที่ไมเนอร์ได้มอบให้เขา จนทำให้เขามีทุกวันนี้